ด้วยทักษะต่างๆ ของคนในปัจจุบันนั้น มีความสามารถที่จะทำได้หลากหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสดง การเรียนรู้หรือจะเป็นเรื่องของ “การขายของ” ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ เลยหล่ะครับ บทความนี้จะมาแนะนทุกๆ ท่านเกี่ยวกับ “วิธีเริ่มต้นขายของต้องรู้อะไรบ้าง?” กันครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ซึ่งเราไปชมกันดีกว่าครับ
วิธีเริ่มต้นขายของ
●หาจุดยืนสินค้าที่จะขาย
ขายของเริ่มต้นอย่างไร คำตอบแรกที่ดีที่สุดคือ ต้องรู้ว่าสินค้าที่ตนเองจะขายคืออะไร แล้วจะรู้ได้อย่างไร ก็ต้องมีความถนัด เข้าใจในสินค้าที่จะขาย สามารถตอบคำถามลูกค้าได้จริง อีกทั้งหากต้องการค้าขายในระยะยาวอย่าเลือกขายบรรดาสินค้าแฟชั่นที่มาเร็วไปเร็ว พวกของกระแสต่าง ๆ เพราะเวลาคุณกักตุนไว้แล้วเริ่มเสื่อมความนิยมจะทำให้โอกาสขาดทุนมีสูง ของเหลือสต็อก ทำอะไรไม่ได้
●สร้างช่องทางขายและนำเสนอสินค้า
เมื่อรู้สินค้าของตนเองแล้ว ต้องรู้ต่อว่ามีช่องทางใดที่สามารถขายได้บ้าง หากเป็นตลาด, ห้างสรรพสินค้า หรือหน้าร้านทั่วไป ควรมีการลงพื้นที่จริงเพื่อศึกษาพฤติกรรม ความเป็นไปได้ของผู้ซื้อว่ามีคนสนใจสินค้าคุณมากน้อยแค่ไหน กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการขายตรงกับย่านนั้น ๆ หรือไม่ ถ้าหากเป็นช่องทางออนไลน์ต้องรู้จักวิธีนำเสนอ การโฆษณาอย่างถูกต้อง
●การตั้งราคา
หากเป็นสินค้าพื้น ๆ ที่มีขายกันทั่วไป ราคาไม่ควรสูงกว่าราคาตลาด แต่ถ้าหากสินค้าคุณภาพดีกว่าจริง ๆ ควรมีการอธิบายรายละเอียดเพื่อให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นสินค้าน่าสนใจ ไม่ค่อยมีใครวางขาย หรือเป็นเจ้าแรก ๆ ก็ควรตั้งราคาอย่างเหมาะสม เอากำไรแค่พอควรจึงจะดีที่สุดครับ
●รู้แหล่งสินค้าที่ช่วยลดต้นทุน
ขายของเริ่มต้นอย่างไร ไม่ใช่แค่รู้วิธีขายเท่านั้น แต่จะต้องรู้การบริหารต้นทุนอย่างถูกต้องด้วย มีการสำรวจ ศึกษาข้อมูลถึงวิธีนำเอาสินค้ามาจากแหล่งที่ถูกที่สุดเมื่อรวมต้นทุนทุกอย่างทั้งค่าสินค้า, ค่าจัดส่ง ฯลฯ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นสินค้ามีมาตรฐาน ได้ตามคุณภาพที่กำหนดไว้ด้วย
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ภาษี” เพื่อเตรียมตัวหลังการขาย
ภาษี(Tax) คือ เงินตราหรือทรัพย์ที่ประชาชนต้องนำส่งให้กับรัฐหรือสถาบันที่มีหน้าที่เทียบเท่ากับรัฐทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อนำเงินตราหรือทรัพย์ที่เก็บได้จากประชาชนมาใช้ในการบำรุงผลักดันและสร้างเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งภาษีเหล่านี้จะถูกนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในระบบราชการ สาธารณูปโภคทั้งหมดในประเทศชาติเพราะเป็นรายได้หลักจากรัฐที่จะนำมาพัฒนาให้ประชาชนอยู่กันในประเทศอย่างภาสุข ในความหมายของภาษีเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1. ภาษีทางตรง คือ ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีโดยตรงไม่สามารถผลักภาระไปให้กับบุคคลอื่นอาทิ ภาษีเงินได้บุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นต้น
2. ภาษีทางอ้อม คือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีแต่ไม่ต้องรับภาระ สามารถที่จะผลักภาระภาษีนี้ไปให้กับบุคคลอื่น ซึ่งเรามักจะเรียกว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นต้น
โดยภาษีการค้า (business tax) – ภาษีการขายที่เก็บกับสินค้าขั้นสุดท้ายทุกชนิดในอัตราเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้น เราเรียก ภาษีการขายนั้นว่า อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทยมีอัตราเดียว คือร้อยละ 7 จัดเก็บจาก ผู้ประกอบการกิจการสินค้าและบริการทุกประเภท ยกเว้น การขายสินค้า 24 ประเภท ที่ระบุไว้
เกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
– คนโสดมีรายได้เกิน 60,000 บาท ต่อปี
– คนมีคู่สมรส ไม่ว่าจะมีรายได้ฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกันเกิน 120,000 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ “วิธีเริ่มต้นขายของต้องรู้อะไรบ้าง?” ที่มาพร้อมกับการแนะนำเกี่ยวกับภาษีที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ หวังว่าจะชอบและเอาไปใช้กันได้บ้างนะครับ
