เรื่องความร้อนและเปลวไฟนั้น เป็นสิ่งที่คู่กันกับ “ห้องครัว” และการประกอบอาหารกันอยู่แล้วถูกมั้ยครับ ดังนั้นการที่จะเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟไหม้นั้น ย่อมเกิดขึ้นได้หากเราประมาทนั้นเอง วันนี้เราจึงอยากพาท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านไปพบกับ “แนวทางการดับไฟในห้องครัวเวลาฉุกเฉิน” ที่น่าสนใจและใช้เป็นวิธีรับมือเบื้องต้นกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันเลยย
องค์ประกอบของการเกิดการ “เผาไหม้”
“ไฟ หรือ การเผาไหม้” เป็นปฏิกิริยาเคมีชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันคือ “การเผาไหม้” นั่นเอง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาร่วมระหว่างองค์ประกอบ 3 สิ่ง คือ เชื้อเพลิง (Fuel) ออกซิเจน (Oxygen) และความร้อน (Heat) ในสภาวะที่เหมาะสมแล้วให้พลังงานออกมาในรูปของพลังงานความร้อนและพลังงานแสงสว่าง
นอกเหนือจากองค์ประกอบดังกล่าวแล้วจะต้องมี ปฏิกิริยาลูกโซ (Chain Reaction) ของการสันดาปกล่าวคือ เมื่อเชื้อเพลิงได้รับความร้อนจากการเกิดก๊าซหรือไอที่ผิวมากพอที่จะติดไฟได้ และมีออกซิเจนในอากาศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 16 ไฟก็ติดขึ้น โมเลกุลของเชื้อเพลิงจะแตกตัวเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็กลงๆ จนแปลสภาพเป็นก๊าซแล้วลุกไหม้ต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ซึ่งสามารถแสดงองค์ประกอบของการเผาไหม้เป็นรูปแบบพีรามิดของไฟแต่เมื่อปฏิกิริยาลูกโซ่ขาดตอนลงเมื่อใด การสันดาปก็จะหยุดลง ดังนั้นองค์ประกอบในการเผาไหม้มีอยู่ 4 องค์ประกอบ คือ
1.เชื้อเพลิง (Fuel)
คือ วัตถุใด ๆ ก็ตามที่สามารถทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อย่างรวดเร็วในการเผาไหม้ เช่น ก๊าซ ไม้ กระดาษ น้ำมัน โลหะ พลาสติก เป็นต้น เชื้อเพลิงที่อยู่ในสถานะก๊าซจะสามารถลุกไหม้ไฟได้ แต่เชื้อเพลิงที่อยู่ในสถานะของแข็งและของเหลวจะไม่สามารถลุกไหม้ไฟได้ ถ้าโมเลกุลที่ผิวของเชื้อเพลิงไม่อยู่ในสภาพที่เป็นก๊าซ การที่โมเลกุลของแข็งหรือของเหลวนั้นจะสามารถแปรสภาพกลายเป็นก๊าซได้นั้นจะต้องอาศัยความร้อนที่แตกต่างกันตามชนิดของเชื้อเพลิงแต่ละชนิด
2.ออกซิเจน (Oxygen)
อากาศที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา นั้นมีก๊าซออกซิเจนเป็นองค์ประกอบประมาณ 21% แต่การเผาไหม้แต่ละครั้งนั้นจะต้องการออกซิเจนประมาณ 16% เท่านั้น ดังนั้นจะเห็นว่าเชื้อเพลิงทุกชนิดที่อยู่ในอากาศรอบ ๆ ตัวเรานั้นจะถูกล้อมรอบด้วยออกซิเจน ซึ่งมีปริมาณเพียงพอสำหรับการเผาไหม้ยิ่งถ้าปริมาณออกซิเจนยิ่งมากเชื้อเพลิงก็จะยิ่งติดไฟได้ดีขึ้น และเชื้อเพลิงบางประเภทจะมีออกซิเจนในตัวเองอย่างเพียงพอที่จะทำให้ตัวเองไหม้ได้โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนที่อยู่โดยรอบเลย
3.ความร้อน (Heat)
คือพลังงานที่ทำให้เชื้อเพลิงแต่ละชนิดเกิดความคลายไอออกมา
4.ปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain Reaction) หรือการเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง
คือ กระบวนการเผาไหม้ที่เริ่มต้นต้องแต่เชื้อเพลิงได้รับความร้อนจนติดไฟขึ้น หมายถึง การเกิดปฏิกิริยา กล่าวคือ อะตอมจะถูกเหวี่ยงออกจากโมเลกุลของเชื้อเพลิง กลายเป็นอนุมูลอิสระ และอนุมูลอิสระเหล่านี้จะกลับไปอยู่ที่ฐานของไฟอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเปลวไฟ
แนวทางการดับไฟในห้องครัว
จากข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับองค์ประกอบของการเกิดการเผาไหม้ ถ้าหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว ก็จะไม่เกิดการเผาไหม้นั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น ไฟไหม้กระทะ สิ่งที่ไม่ครวทำก็คือการราดน้ำลงไปในกระทะ เพราะจะทำให้เกิดเพลิงไหม้มากกว่าเดิม สิ่งที่ควรทำคือ หาผ้าชุบน้ำเปียกๆ และนำมาปิดกระทะเพื่อ “ตัดออกซิเจน” สำหรับการเผาไหม้ นั้นเองครับ
แนะนำการป้องกันเพลิงไหม้
►เพิ่มความระมัดระวังในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับไฟ
มีหลายกิจกรรมภายในบ้านที่เกี่ยวข้องกับไฟ เช่น การจุดธูปเทียน การจุดยากันยุง การประกอบอาหารด้วยถ่าน หรือการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ควรระมัดระวังและทำภายใต้การเฝ้าระวังของคนในบ้าน หากทำจุดธูปเทียน หรือจุดยากันยุง จะต้องมีคนคอยดูจนกว่าจะดับสนิท ไม่ทิ้งบุหรี่โดยที่ไม่ดับไฟ และไม่ทำกิจกรรมใกล้กับวัตถุที่ติดไฟง่าย เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุไฟไหม้ได้มากแล้ว
►ติดตั้งสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่ได้มาตรฐาน
อุปกรณ์เตือนภัยหรือสัญญาณเตือนไฟไหม้ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับอาคารต่าง ๆ เพราะสามารถช่วยแจ้งเตือนลูกบ้านที่อยู่ภายในอาคารได้ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งจะทำให้ผู้ที่อยู่ในอาคารไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป สำหรับบ้านพักอาศัยก็สามารถติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ได้เช่นกัน
►ติดตั้งเครื่องตัดไฟเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
สำหรับบ้านและอาคารควรมีเครื่องตัดไฟอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำงานเมื่อแผงวงจรไฟฟ้าเกิดประกายไฟขึ้น
และนี้ก็คือข้อมูลและข้อมูลเกี่ยวกับ “แนวทางการดับไฟในห้องครัวเวลาฉุกเฉิน” พร้อมกับความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของการเกิดการเผาไหม้นั้นเองครับ หวังว่าจะทำให้เข้าใจและดับไฟระต้นได้อย่างทันถ่วงทีกันนะครับ